หมอรัสเซียตกตึกปริศนา 3 ราย หลังวิจารณ์โรงพยาบาล เผยรายล่าสุด อัดคลิปบ่นโดนบังคับให้ทำงาน ทั้งที่กำลังป่วย Covid-19 ด้านตำรวจเร่งสืบสวนแล้ว
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์เดอะมอสโกไทม์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยแพย์ฉุกเฉินชาวรัสเซีย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการพลัดตกจากตึกของโรงพยาบาล หลังจากออกมาวิจารณ์การทำงานของโรงพยาบาลภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเขาเป็นบุคลากรทางแพทย์แนวหน้าราย 3 ที่ตกตึกอย่างปริศนาและมีเงื่อนงำ ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์
เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินคนดังกล่าวมีชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ ชูเลปอฟ วัย 37 ปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโนวายา อุสมัน ในพื้นที่แคว้นโวโรเนจ ทางตะวันตกของรัสเซีย
โดยในวันที่ 22 เมษายน ชูเลปอฟ และ อเล็กซานเดอร์ คอสยากิน เพื่อนร่วมงาน ได้อัดคลิปบ่นทางโรงพยาบาล คอสยากินกล่าวว่าโรงพยาบาลบังคับให้ชูเลปอฟต้องทำงาน ทั้งที่ตรวจพบว่าติดเชื้อและกำลังป่วยเป็นโรคโควิด 19
อเล็กซานเดอร์ ชูเลปอฟ (ซ้าย) หมอที่ตกตึกได้รับบาดเจ็บ กับ อเล็กซานเดอร์ คอสยากิน (ขวา) หมอที่ออกมาวิจารณ์โรงพยาบาล - ภาพจาก อินสตาแกรม Alexander Kosyakin
ทางด้านซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ก่อนหน้านี้ คอสยากิน เคยออกมาอัดคลิปวิพากษ์วิจารณ์บอร์ดบริหารของโรงพยาบาล เรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลนไม่พอใช้ และเขาถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบสวนสืบสวนโทษฐานเผยแพร่ ข่าวปลอม (Fake News)
จนกระทั่งวันที่ 2 พฤษภาคม จู่ ๆ ชูเลปอฟก็พลัดตกจากชั้น 2 ของอาคารโรงพยาบาล และประสบภาวะกะโหลกศีระษะร้าว ส่วนหมอรัสเซียอีก 2 ราย ที่พลัดตกตึกไปก่อนหน้านี้ ต่างเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ และหนึ่งในนั้นเคยแสดงความเห็นตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล
"ครั้งสุดท้ายที่ผมคุยกับหมอชูเลปอฟคือวันที่ 30 เมษายน แล้วเท่าที่ผมรู้ก็คือ ตอนนี้เขากำลังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูและอาการสาหัสมาก คือก่อนหน้านี้เขาอาการดีขึ้นมาก และกำลังจะได้ออกจากวอร์ดผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัสอยู่แล้ว
แต่อยู่ดี ๆ กลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกอย่างมีเงื่อนงำไม่ชัดเจนเลย ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะอะไร มันมีคำถามมากมายในหัวผม ที่ผมไม่กล้าที่จะตอบ " คอสยากิน กล่าว
ทางด้านซีเอ็นเอ็นได้ติดต่อไปยังตำรวจโวโรเนจแล้ว แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใด ๆ ทั้งสิ้น ระบุแค่ว่าขณะนี้กำลังเร่งสืบสวนสอบสวนการสาเหตุตกตึกของชูเลปอฟแล้ว
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :covid-19.kapook,The Moscow Times, CNN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น