ผบช.สตม. แจงเหตุกักตัวสาวซาอุฯ เพราะไม่มีวีซ่า ยันไม่ได้ยึดพาสปอร์ต

      ผบช.สตม. ชี้แจงเหตุกักตัวสาวซาอุดีอาระเบีย หวังลี้ภัยที่ออสเตรเลีย เพราะไม่มีวีซ่าเข้าไทย พร้อมยืนยันไม่ได้ยึดพาสปอร์ต 


วันที่ 7 มกราคม 2562 พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม แถลงข่าวถึงกรณีที่ น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี สัญชาติซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาไทย และถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ เนื่องจากทางสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ได้ประสานมายังประเทศไทยว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้หนีการดูแลจากผู้ปกครองและเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงอยากให้ทาง ตม.ไทยช่วยดูไว้ ต่อมาหญิงคนดังกล่าวได้มายื่นขอวีซ่า เพื่อเข้าไทย แต่ไม่แสดงตั๋วเครื่องบินกลับ และไม่มีการวางแผนเดินทางหรือที่พักในไทย ทาง ตม. จึงปฏิเสธการเข้าเมือง เป็นไปตามหลักสากลทั่วโลกถือว่าเป็นบุคคลต้องห้าม จากนั้นจึงให้ทางสายการบินเป็นผู้ดูแลต่อ ทั้งเรื่องที่พักและอาหารจนกว่าจะได้ตั๋วเครื่องบินกลับไปยังประเทศต้นทาง

ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่าหญิงคนดังกล่าว มาไทยเพื่อเตรียมต่อเครื่องบินไปยังประเทศออสเตรเลียโดยมีวีซ่าของประเทศออสเตรเลียเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไม่พบว่า มีวีซ่าหรือตั๋วเครื่องบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลียแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือถูกยึดพาสปอร์ตนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ตม.สนามบิน ไม่ได้ทำการยึด แต่เก็บไว้ให้จนกว่าหญิงคนดังกล่าวจะมีตั๋วเดินทางกลับ ซึ่งเมื่อสายการบินคูเวตแอร์ไลน์ได้ทำการซื้อตั๋วเครื่องบินให้เดินทางกลับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง ตม.สนามบิน ก็ได้คืนพาสปอร์ตแล้ว

พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งการดำเนินการหลังจากนี้นอกจากเราจะใช้หลักกฎหมายแล้ว เราจะต้องใช้หลักสิทธิมนุษยชนด้วย โดยเบื้องต้นทางหญิงคนดังกล่าวระบุว่าไม่ต้องการกลับไปยังประเทศตนเอง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้าย และต้องการจะเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก unhcr ได้เดินทางเข้าไปยังโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ด้านในอาคารผู้โดยสาร บริเวณคองคอร์ด G เพื่อทำการพูดคุยกับ น.ส.ราฮาฟ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : hilight.kapook , สำนักข่าว INN