รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้หยุดงาน 10 วัน เพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ แต่น่าตกใจ ประชาชนจำนวนมากไม่แฮปปี้ เผยไม่รู้จะทำอะไร
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562 เว็บไซต์อินไซเดอร์ รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศให้ชาวญี่ปุ่นหยุดงาน เป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2562 เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสวันสำคัญ การขึ้นครองราชย์ของพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562
ดยเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อพระราชบิดา สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ภายหลังจากทรงสละราชสมบัติ ในวันที่ 30 เมษายน 2562 อันถือเป็นการสิ้นสุดยุคเฮเซ และเริ่มต้นยุคใหม่ "เรวะ" อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ เดิมที ญี่ปุ่นมีวันหยุดที่เรียกว่า โกลเด้นวีค ในวันที่ 29 เมษายน และวันที่ 3-6 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันหยุดแห่งชาติตามปกติ แต่ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้ประกาศให้หยุดเพิ่มช่วงรอยต่อ ในวันที่ 30 เมษายน - 2 พฤษภาคม เพิ่มให้ ดังนั้นเมื่อนับรวมกับวันเสาร์-อาทิตย์แล้ว รวมจะได้หยุดยาวทั้งสิ้น 10 วัน
ด้วยเหตุนี้ ประชาชนชาวญี่ปุ่นบางส่วนก็ถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน ทว่ากลับมีประชาชนจำนวนไม่น้อย เผยว่า รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักกับการประกาศหยุดยาวติดต่อกันนานดังกล่าว โดยจากการสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun อ้างอิงโดย AFP เผยว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากถึง 45% รู้สึกไม่แฮปปี้ ขณะที่มีเพียง 35% ที่แฮปปี้ต่อวันหยุดยาวดังกล่าว
หญิงแม่บ้านหลายราย เผยกับรายงานว่า เธอจะต้องปวดหัวและมีภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้น หากลูก ๆ และพ่อของพวกเขาหยุดงานอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ พ่อและแม่คู่หนึ่ง เผยว่า สำหรับหน้าที่ผู้ปกครองแล้ว การหยุดยาว 10 วัน เป็นเรื่องที่ปวดหัวมาก
นอกจากนี้ แรงงานที่ได้ค่าจ้างเป็นรายวันก็ได้รับผลกระทบโดยตรง เมื่อมีวันหยุดเพิ่มมากขึ้น รายได้ก็น้อยลง รวมไปถึงกลุ่มนักธุรกิจนักลงทุน เผยว่า มีความกังวลว่าหยุด 10 วัน จะทำให้ตลาดการค้าและด้านการเงินได้รับผลกระทบหนัก
ทั้งนี้ ในวัฒนธรรมการทำงานของญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่า ทำงานหนักมาก มีอัตราคนเสียชีวิตจากการทำงานเกินเวลา สูงกว่าหลายร้อยในทุก ๆ ปี การหยุดยาวนานเช่นนี้ ทำให้คนทำงานได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
พนักงานการเงินวัย 31 ปี รายหนึ่ง กล่าวว่า "บอกตามตรงนะ ผมไม่รู้เลยว่าจะเอาเวลาไปทำอะไร หลังจู่ ๆ มารู้ว่าเรามีวันหยุดมากมายตั้ง 10 วัน"
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : hilight.kapook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น