ชุมนุมประท้วงราคาน้ำมันแพงทั่วประเทศฝรั่งเศสดุเดือด ขับรถชนม็อบปิดถนนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 200 คน
วันที่ 18 พ.ย. สำนักข่าว บีบีซี รายงานการชุมนุมของ “กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง” ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ใช้รถยนต์ในฝรั่งเศส ที่ใช้เสื้อกั๊กสะท้อนแสงสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ปิดถนนประท้วงรัฐบาลฝรั่งเศส จากปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาสูงลิ่ว พร้อมกล่าวหาว่า รัฐบาลทอดทิ้งผู้มีรายได้น้อย โดยการปิดถนน สะพานและทางด่วนทั่วประเทศทำให้การจราจรของฝรั่งเศสเป็นอัมพาต
มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ในจังหวัดอีแซร์ แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส จากการถูกผู้ขับขี่รถยนต์ที่พยายามขับรถฝ่าการปิดถนนของกลุ่มผู้ประท้วงพุ่งชน ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยจำนวนผู้ชุมนุมทั้งหมดมีประมาณ 280,000 คน โดยมี 227 คนได้รับบาดเจ็บในจำนวนนี้อาการสาหัส 7 คน และมี 52 คนที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ความไม่พอใจของผู้ประท้วงเกิดขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ชาวฝรั้่งเศสใช้ ปรับราคาสูงขึ้นถึงร้อยละ 23 ในช่วง 12 เดือน โดยราคาพุ่งไปแตะที่ 1.51 ยูโร หรือ ราว 56 บาทต่อลิตร สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2543
สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และการปรับภาษีสิ่งแวดล้อมของผู้นำฝรั่งเศส โดยผู้ประท้วงบางคนได้ตะโกนขับไล่ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่า “มาครง ออกไป” พร้อมกล่าวหาว่า มาครงเป็นพวกคนรวย! อย่างไรก็ตามในที่สุดทางการฝรั่งเศส ได้ใช้กำลังตำรวจและทหารกว่า 1,500 นาย เข้าสลายการชุมนุมดังกล่าวตามที่ นายเอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ยืนยันว่า ประท้วงได้แต่การปิดกั้นประเทศเป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมไม่ได้
ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แจ้งเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส (17 พ.ย. 61) กรณีกลุ่มคนใส่เสื้อกั๊กสีเหลือง ชุมนุมประท้วงรัฐบาล ด้วยการปิดถนนในหลายเมืองทั่วฝรั่งเศส ขอแนะนำให้คนไทยในฝรั่งเศส ติดตามข่าวสารจากสื่อฝรั่งเศสและช่องทางของสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการชุมนุมและปิดถนน และควรใช้รถไฟหากจำเป็นต้องเดินทาง ในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้มีหมายเลข +33 6 46 71 96 94 และ +33 6 03 59 97 05
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : บีบีซี , sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น