สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ลงมติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ในสองข้อหา คือ ใช้อำนาจในทางที่ผิด และขัดขวางกระบวนการของสภาคองเกรส ทำให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอน ต่อจากนายแอนดรูว์ จอห์นสัน และนายบิล คลินตัน
โดยในข้อหาแรกเรื่องการใช้อำนาจประธานาธิบดีในทางที่ผิด มติถอดถอนชนะไปด้วยคะแนน 230 ต่อ 197 และข้อหาขัดขวางกระบวนการสภาคองเกรส ผ่านด้วยมติ 229 ต่อ 198 เสียง
ทรัมป์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการหาเสียงที่รัฐมิชิแกน ได้ออกมาตอบโต้มติดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน โดยระบุว่าพวกที่อยู่ในสภานั้นบ้าคลั่ง ดำเนินการเป็นไปด้วยความอิจฉาริษยา และเกลียดชังเขา
สำหรับข้อกล่าวหาใช้อำนาจประธานาธิบดีในทางที่ผิด สืบเนื่องมาจาก ปมที่ทรัมป์ร้องขอให้ยูเครนช่วยสืบสวนคู่แข่งทางการเมืองของเขา คือ นายโจ ไบเดน ส่วนข้อหาขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรสนั้น มาจากการที่ทรัมป์ไม่ให้ความร่วมมือกับกระบวนการสืบสวนของสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญต่างก็คาดการณ์ว่า โอกาสที่ทรัมป์จะถูกถอดถอนจริงๆนั้น มีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะตามขั้นตอนแล้ว แม้พรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนสหรัฐฯ ชนะการลงมติรับรองให้ถอดถอนทรัมป์ได้ในสภาผู้แทนฯ แต่สุดท้ายแล้ว พรรครีพับลิกัน ต้นสังกัดของทรัมป์ก็ยังคงคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งจะพิจารณามติดังกล่าวในเดือนมกราคม 63 อยู่ดี
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :sanook,NY Times,The Telegraph
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น